LevelUp! Studio » business

ARPU คืออะไร และ Social Game มี ARPU เฉลี่ยเท่าไร

heha — Sat, 02 Apr 2011 09:29:49 +0000

ARPU (Average Revenue Per User) คือปริมาณรายได้ต่อจำนวนคนทั้งหมดในเกม ใช้เป็นค่าที่ประเมินได้ระดับนึงว่าเกมเราสามารถสร้างรายได้มากน้อยเพียงใด

ตัวอย่าง ARPU บน Social Game:

เกมประเภททำฟาร์ม: $0.1-$0.2

เกมประเภท Mafia Wars: : $0.25-$1

เกมประเภทสร้างเมือง: <$0.1

เกมประเภทพนัน (poker, lottery, slots): $0.25-$1

ข้อมูลนี้นับจากวันที่ 7 พฤษภาคม 2010 อาจจะเก่าไปหน่อย แต่ก็พอใช้อ้างอิงได้บ้าง

ที่มา: http://www.gamasutra.com/view/news/28456/GDC_Canada_Super_Rewards_Bailey_Quit_Your_Job_And_Make_Facebook_Games.php

คำแนะนำถึงน้องที่อยากเป็นGame Developer

akara — Mon, 05 Jul 2010 02:55:23 +0000

ก็ไม่ได้หาญกล้า เก่งกาจอะไรมาจากไหนหรอกนะครับ ถึงขนาดมาเขียนบทความแนะนำน้องรุ่นใหม่ๆได้

พอดีว่าเมื่อซักอาทิตย์ที่แล้วมั้งครับ มีน้องนักศึกษาคนนึงเมล์มาขอคำแนะนำว่า

ทำไงให้ประสบความสำเร็จในการเป็น Game Developer

ไอ้ผมก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย แต่ก็เอาน่ะไหนๆก็ถามมาแล้วก็ตอบเท่าที่ตอบได้ละกัน

ข้อความข้างล่างต่อจากนี้เป็นที่ผมเมล์ตอบน้องเค้าไปนะครับ

“มันจะมีปัญหาของ developer ที่ยังเรียนอยู่ไม่กี่ขอนะครับ ที่พี่เคยเห็นคือ

1. อยากทำแต่ไม่เริ่้มทำซักที ตอนพี่ทำ VR2 พอคุยกับเสร็จคืนนั้น วันรุ่งขึ้นก็เริ่มเลย
เหมือนที่เค้าว่าจะตีเหล็กก็ต้องตีตอนที่ยังร้อนอยู่

2. ไม่เสร็จซักที หลายๆคนทำแล้วคิดว่าต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์แล้วจึงค่อย เปิดให้คนเล่น ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องเสร็จ100%ก็ได้ ทำเสร็จบาง ส่วนที่มันพอจะเล่นได้แล้ว แล้วลองให้ผู้เล่นเข้ามาเล่นดู เราจะได้ทั้งFeedbackและกำลังใจที่อยากทำต่อกลับมาครับ ทั้ง VR2 และ Planet ก็มีหลายๆจุดที่แก้ตามคอมเมนท์ของผู้เล่นครับ

คำ แนะนำอีกอย่างครับ น้องจะยังไม่เจอข้อนี้จนกว่าจะทำเกมส์ออกมาให้ บริการเรียบร้อยแล้ว คือ
ถ้าอยากจะยึดการทำเกมเป็นอาชีัพ น้องต้องทำให้เกมของน้องเป็นธุรกิจให้ได้ครับ
แรกอาจจะคิดแค่เรื่องทำเอามัน แต่ถ้าอยากจะเดินบนทางสายนี้จริงๆ ก็ต้องทำให้มันเป็นธุรกิจให้ได้ครับ“

ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยน่ะครับ เลยเอามาแชร์ให้อ่านกัน

ว่าด้วยใบต่างๆในการรับงาน Outsource

akara — Sat, 19 Jun 2010 03:29:07 +0000

ขอออกตัวก่อนเลยนะครับ การที่เขียนบทความนี้ ไม่ใช่ว่าผมเ็ป็นผู้เชี่ยวชาญหรือรู้จริงด้านนี้นะครับ
แต่เขียนไว้เพื่อให้ตัวเองได้อ่านอีกทีกันลืม ซึ่งอาจมีผิดบ้างถูกบ้าง ผู้รู้จริงท่านใดผ่านมาอ่าน
แล้วเห็นว่าจุดไหนผิด รบกวนช่วยเตือนจะเป็นความกรุณาอย่างยิ่งครับ

*note : สำหรับการรับงาน Outsource กับบริษัทเอกชน

เอกสารที่ใช้ในการรับงานOutsource จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนนะครับ

เสนอราคา
วางบิล
เก็บเงิน

1. เสนอราคา

ขั้นตอนนี้ใช้เอกสารคือใบเสนอราคาครับ เมื่อตกลงราคากับลูกค้าเป็นที่พอใจแล้ว

พอลูกค้าเซ็นกลับมาก็ทำสำเนาไว้ 1 ฉบับ แล้วเอาไว้ใช้แนบอีกทีตอนที่วางบิลลูกค้า

ใบเสนอราคา ควรจะมีรายละเอียด Feature ต่างๆในใบเสนอราคาด้วย

เพื่อที่ว่าจะเป็นการระบุขอบเขตของงานด้วยในทางหนึ่ง

Input : ใบเสนอราคา

Output : ใบเสนอราคาที่ลูกค้าเซ็นมาแล้ว x2 (สำเนาใบนึง)

2. วางบิล

อันนี้เป็นขั้นตอนที่ผมคิดว่ายุ่งยากสุดละครับ เพราะแต่ละบริษัทแม่_ขั้นตอนไม่เหมือนกันเลย

ทางที่ดีควรจะถามการเงินหรือบัญชีของบริษัทนั้นๆว่า ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ใครต้องเซ็น ไม่งั้นก็จะวางบิลไม่ได้

เอกสารที่ต้องมีแน่นอนครับคือ ใบแจ้งหนี้ ซึ่งอันนี้ทางเราต้องเป็นคนออกเอกสารนี้

นอกจากนั้นก็แล้วแต่บริษัทครับ บางเจ้าก็ต้องมีใบสั่งซื้อของทางบริษัทนู้นด้วย

ขั้นตอนวางบิล

ออกใบแจ้งหนี้ x3 (ตัวจริงให้ลูกค้า, สำเนาที่ให้ลูกค้าเซ็นด้วย, สำเนาที่เก็บไว้)
เอาใบแจ้งหนี้x2 และใบอื่นๆที่จำเป็นไปวางบิล
เอาสำเนาใบแจ้งหนี้ที่ลูกค้าเซ็นแล้วหรือใบรับวางบิลกลับมา เพื่อไว้ใช้แนบในการเก็บเงินต่อไป

Input : ใบแจ้งหนี้, ใบเสนอราคา(แนบ), ใบสั่งซื้อ(Option)

Output : ใบแจ้งหนี้ x2, ใบรับวางบิล(Option)

3. เก็บเงิน

เป็นขั้นตอนที่อยากให้มาถึงมากที่สุดครับ ขั้นตอนก็ไม่ีมีอะไรยุ่งยากมาก คือ

รอให้ทางบริษัทลูกค้าออกเช็คให้ ซึ่งโดยทั่วๆไปแล้วก็จะมีเรื่องของเครดิตอยู่
(เครดิตคือ เวลาที่ำกำหนดว่าหลังจากวางบิลแล้ว เราให้เวลาลูกค้ากี่วันที่จะเอาตังให้เรา)

เมื่อลูกค้าออกเช็คเรียบร้อยแล้ว จึงเอาใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษีไปให้ลูกค้าเพื่อแลกกับเงินของเรา

Input : ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี, ใบแจ้งหนี้หรือใบวางบิล

Output : ใบเสร็จรับเงิน(สำเนา), ใบหัก ณ ที่จ่้าย, เงิน