เริ่มต้นกับ Redis by tosawat
May0
ก่อนที่จะนำ Redis มาใช้ในระบบงาน เราควรที่จะทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับเจ้า Redis ซะก่อน
Redis คือ key-value database เหมือนกับ Memcache แต่ต่างกันตรงที่ Redis นั้นจะมีการบันทึกข้อมูลต่างๆ ลง storage เก็บไว้หากมีการ Restart Server หรือไฟดับ Redis จะสามารถนำข้อมูลที่บันทึกลง storage ไว้กลับมาใน Ram เพื่อให้งานต่อได้ทันที และ Redis มี Libraries หลายภาษาเช่น php, java ,C ,C# เป็นต้น
Data types ต่างๆ ที่สามารถจัดเก็บใน Redis ได้ ประกอบไปด้วย
- String
- List
- Set
- Sorted sets
ชุดคำสั่งของ Redis แบ่งออกเป็นกลุ่มได้ดังนี้
- Connection handling
- Commands operating on all the kind of values
- Commands operating on string values
- Commands operating on lists
- Commands operating on sets
- Sorting
- Persistence control commands
- Remote server control commands
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.redis.io/
Flash Catalyst : สร้าง Tab by akara
May0
เริ่มต้นกับ Flash Catalyst by akara
May1
การทำเว็บไซต์ให้โหลดได้เร็วขึ้น ด้วยการรวมไฟล์ javascript หรือไฟล์ css เป็นไฟล์เดียว ด้วย php อย่างง่าย by tosawat
May2
กรณีหน้าเว็บเพจ มีการเรียกใช้ไฟล์ javascript (.js) หรือไฟล์ css (.css) หลายๆ ไฟล์ในหน้าหนึ่งๆ หากต้องการรวมไฟล์เป็นไฟล์เดียว โดยทั่วไปเราจะทำการสร้างไฟล์ใหม่ แล้วนำข้อมูลของแต่ละไฟล์ไปไว้ที่ไฟล์ใหม่ที่สร้างขึ้น ตัวอย่างเช่น เรามีไฟล์ javascript อยู่ 3 ไฟล์ดังนี้
1.calendar.js ไฟล์สำหรับปฏิทิน
2.map_google.js ไฟล์สำหรับ google map
3.ajax_data.js ไฟล์สำหรับเรียกข้อมูลแบบ ajax
เมื่อเรารวมไฟล์โดยการสร้างไฟล์ใหม่ เช่นไฟล์ใหม่ชื่อ web-js.js จากนั้นนำข้อมูลของแต่ละไฟล์มาไว้ที่ไฟล์ใหม่ โดยแยกเป็นส่วนไว้โดยใช้ การ comment ไว้ว่าเป็นโค้ตของส่วนใด
ตัวอย่างรูปแบบไฟล์ web-js.js
<script type=“text/javascript”>
// ไฟล์สำหรับปฏิทิน
// ไฟล์สำหรับ google map
// ไฟล์สำหรับเรียกข้อมูลแบบ ajax
</script>
การรวมไฟล์ js จากเดิมมีการเรียกไฟล์ทั้งหมด 3 ไฟล์
<script type=“text/javascript” src=“calendar.js”></script>
<script type=“text/javascript” src=“map_google.js”></script>
<script type=“text/javascript” src=“ajax_data.js”></script>
ก็ลดเหลือเป็นการเรียกเพียงไฟล์เดียว
<script type=“text/javascript” src=“web-js.js”></script>
ทำให้ลดจำนวน http requests ลง ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคการทำเว็บไซต์ให้โหลดได้เร็วขึ้น
วิธีการรวมไฟล์นี้ใช้ได้เช่นเดียวกับกรณีของ css ไฟล์
การรวมไฟล์ข้างต้น เป็นวิธีการโดยทั่วไปสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
สำหรับวิธีการต่อไป จะเป็นการรวมไฟล์ js หรือ css ด้วย php
โดยการรวมไฟล์ด้วยการใช้ php นั้น ทำให้เราสามารถกำหนดคุณสมบัติของไฟล์ เพิ่มขึ้นจากเดิมได้
เช่น
การกำหนดให้ทำการ cache ไฟล์
การกำหนด header ของไฟล์
การกำหนดเงื่อนไขการรวมไฟล์
รองรับการ gzip ไฟล์จาก server ซึ่งทำให้ขนาดไฟล์ลดลง
อื่นๆ ถ้าหากมี….
ตัวอย่างการรวมไฟล์ js ด้วย php บันทึกไฟล์เป็น web-js.php
<?php
header(“Content-type: application/javascript; charset=UTF-8″); // กำหนดเป็น javascript
header(“Cache-Control: must-revalidate”);
$offset = 60 * 60 * 24 * 3; // กำหนด expire date ในอีก 3 วัน ดูจาก * 3
$ExpStr = “Expires: ” . gmdate(“D, d M Y H:i:s”, time() + $offset) . “ GMT”;
header($ExpStr);
echo file_get_contents(“http://www.example.com/calendar.js”);
echo file_get_contents(“http://www.example.com/map_google.js”);
echo file_get_contents(“http://www.example.com/ajax_data.js”);
?>
การใช้งาน
<script type=“text/javascript” src=“web-js.js”></script>
กรณีเช่นเดียวกับ css ไฟล์
ตัวอย่างการรวมไฟล์ css ด้วย php บันทึกไฟล์เป็น web-css.php
<?php
header(“Content-type: text/css; charset=UTF-8″); // กำหนดเป็น css
header(“Cache-Control: must-revalidate”);
$offset = 60 * 60 * 24 * 3; // กำหนด expire date ในอีก 3 วัน ดูจาก * 3
$ExpStr = “Expires: ” . gmdate(“D, d M Y H:i:s”, time() + $offset) . “ GMT”;
header($ExpStr);
echo file_get_contents(“http://www.example.com/calendar.css”);
echo file_get_contents(“http://www.example.com/map_google.css”);
echo file_get_contents(“http://www.example.com/ajax_data.css”);
?>
การใช้งาน
<link rel=“stylesheet” href=“web-css.php” type=“text/css” />
การรวมไฟล์ด้วย php สามารถทำให้ลดจำนวน http requests ลง เช่นเดียวกับการรวมไฟล์ทั่วไป
ทำยังไงเมื่อ facebook app โดนแบน by wittaya
May3
facebook ได้ปล่อยบอทตัวใหม่เพื่อเชคว่าแอปผิด policy หรือเป็นสแปมรึป่าว
โดยส่วนตัวแอปของผมก็โดนเข้าเหมือนกัน
ลักษณะอาการก็คือเล่นๆแอปกันอยู่ก็เข้าไม่ได้ บอกว่าไม่มี
แล้วก็จะมีเมลล์เข้ามาเเจ้งว่าแอปของเราโดนลบ
ทำไงละครับทีนี้??
1. ให้เชคก่อนนะครับว่าแอปของเราถูกต้องตาม Policy รึป่าว
เช่น ส่อสแปม หรือมีการ post ลง wall เพื่อน มากกว่า 1 คนต่อครั้ง
มีเนื้อหาหรือข้อความรุนแรงและเกี่ยวกับเรื่อง sex เป็นต้นครับ
หากแอปเรามีลักษณะดังกล่าวก็ทำใจไปเลยครับ ไม่มีการกู้คืนใดๆได้
นอกจากแก้แอปแล้วอัพขึ้นไปใหม่
2. ถ้าเกิดเราไม่ได้ทำผิดละ อยู่ๆก็มาลบ ทั้งๆที่กำลังมียอดผู้เล่นมากมาย
ก็ให้เข้าไปที่เมลล์ที่เค้าส่งมานั้นละครับ ถ้าเผลอลบเมลล์ไปแล้วให้เข้าไปที่ลิ้งนี้
จะมีฟอร์มขอกู้คืนแอปอยู่
https://www.facebook.com/help/contact.php?show_form=dev_disable_appeal
3. ให้ส่งอีกฟอรร์มไปยัง facebook developer ด้วยเพื่อความรวดเร็ว ที่นี่คับ
http://www.facebook.com/help/contact.php?show_form=dev_support
เนื้อหาโดยคร่าวๆผมก็อธิบายลักษณะการทำงานของแอปไปสองประโยค
ตามด้วยเน้นย้ำว่าไม่ผิด policy มีการใช้งานได้ดี และไม่มีเรื่อง sex หรือมีการ spam แต่อย่างใด ครับ
หลังจากที่แอปของผมโดนลบไป และได้รับเมลล์แจ้งเมื่อประมานสี่ทุ่ม
ก็ทำตามสามข้อนี้ แล้วก็ไปอาบน้ำ นอน
ตื่นขึ้นมาประมานแปดโมงเช้า ก็ได้รับเมลล์แจ้งตอบกลับมาพร้อมกับขอโทษ
ที่บอทอัตโนมัติซึ่งมีอัลกอลิทึมลับไปเจอแอปนี้แล้วได้ทำการแบนไป
ทางเขาได้ตรวจสอบแล้วว่าแอปดังกล่าวใช้งานได้ ไม่ติดปัญหาเรื่อง policy หรือเป็นสแปมอีกต่อไปครับ ^^
สำหรับใครมีปัญหาเรื่องแอปถูกแบนยังไง ยังกู้ไม่ได้ ลองอ่านตามที่ลิ้งนี้ได้นะครับ
เค้าอธิบายไว้ได้อย่างดีเลย ^^
http://www.brixagency.com/2011/04/what-to-do-when-facebook-disables-your.html